7 ทักษะยอดนิยมที่นายจ้างต้องการในปี 2025: กลยุทธ์การพัฒนาบุคลากรเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน


เมื่อโลกและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ วินาที สภาพแวดล้อมการทำงานจึงต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย บริษัทขนาดเล็กไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ต่างก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการภายในองค์กรและความคาดหวังของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปด้วย
ภาพรวมทักษะของพนักงานในปัจจุบัน
จากบริบทดังกล่าว การพัฒนาทักษะของทีมงานจึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนเพื่อไม่มีการทำงานที่ล้าหลังและสามารถเท่าทันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดได้ ตามที่บทความจาก World Economic Forum ได้ระบุไว้ว่า สภาพแวดล้อมการทำงานของธุรกิจกำลังถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเครื่องมือ AI มาใช้มากขึ้น พนักงานเองก็ตระหนักได้ว่า พนักงานทุกคนจำเป็นต้องมีทักษะที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองความคาดหวังของธุรกิจ
ผลสำรวจของ PwC พบว่า 58% ของผู้ให้สัมภาษณ์ระบุว่าทักษะที่พนักงานจำเป็นต้องมี จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในอีก 5 ปีข้างหน้า และจากบทความของธนาคารโลกได้ชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาของตลาดแรงงานกำลังผลักดันให้กำลังแรงงานต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้น โดยการจ้างงานจะเน้นที่ทักษะเป็นศูนย์กลางเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด และคาดการณ์ว่าจะมีแรงงานมากกว่า 1 พันล้านคนที่จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมใหม่ในทศวรรษหน้า นอกจากนี้ รายงานของ Future of Jobs 2023 ที่จัดทำขึ้นโดย World Economic Forum ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า นายจ้างเริ่มให้ความสำคัญกับทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ ทักษะการพึ่งพาตนเอง และทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ทักษะที่บริษัทต่าง ๆ กำลังมองหามากที่สุด มีรายละเอียดดังนี้
1. ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal skills)
หากพนักงานสามารถเลือกใช้วิธีการสื่อสารได้ดีจะส่งผลให้ พนักงานสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน และช่วยให้การทำโครงการต่าง ๆ ร่วมกันประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น พนักงานที่มีการสื่อสารที่ชัดเจน เปิดกว้าง มีทักษะการฟังอย่างตั้งใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศการทำงานที่ปลอดภัยให้กับทุกคน ดังนั้นการพัฒนาทักษะนี้จะช่วยลดความผิดพลาดในการสื่อสารและเพิ่มความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรได้
2. ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability)
ความสามารถในการปรับตัวเป็นทักษะที่บริษัทต่าง ๆ ต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา สิ่งสำคัญคือการยอมรับข้อผิดพลาด การมีมุมมองในการทำงานว่าข้อผิดพลาดเป็นโอกาสในการเรียนรู้มากกว่าเป็นเพียงแค่ความล้มเหลว องค์กรที่พนักงานมีความสามารถในการปรับตัวสูงจะมีความได้เปรียบในการแข่งขัน สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนแม้อยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอนหรือคาดเดาได้ยาก
3. การประยุกต์ใช้ AI (AI Implementation)
ตลาดงานด้าน AI กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยแต่ละเดือนมีการเปิดรับสมัครพนักงานใหม่มากกว่า 10,000 ตำแหน่ง ตำแหน่งงานด้าน AI จึงเป็นที่ต้องการมากที่สุดในวงการเทคโนโลยี และคาดการณ์ว่าแนวโน้มนี้จะยังเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2025 เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับพนักงาน องค์กรควรวางแผนพัฒนาทักษะด้าน AI อย่างเป็นระบบ โดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น กำหนดให้พนักงานต้องผ่านการอบรมหลักสูตรหรือเข้าร่วม Workshop ตามระยะเวลาที่กำหนด วิธีนี้จะช่วยให้พนักงานได้พัฒนาและฝึกฝนทักษะด้าน AI อย่างสม่ำเสมอ
4. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
ความคิดสร้างสรรค์เป็นทักษะการคิดที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งได้รับการยืนยันจากผลสำรวจของ Statista ที่พบว่ากว่า 70% ของบริษัทที่ทำแบบสำรวจคาดการณ์ว่าทักษะนี้จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงระหว่างปี 2023-2027 และผลสำรวจยังระบุว่า ในยุคที่การทำงานมีความซับซ้อนมากขึ้น ทักษะด้านการคิดกำลังได้รับความสำคัญมากที่สุดในบรรดาทักษะทั้งหมดวิธีการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ คือ ผู้นำต้องรับฟังและให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของทีมงานทุกคนอย่างจริงใจ เมื่อพนักงานรู้สึกปลอดภัยและได้รับการสนับสนุน พนักงานจะกล้าแสดงความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
5. การเขียนโปรแกรม (Programming: Python, SQL And Java)
จากการศึกษาของ System Design School โดยอ้างอิงข้อมูลการประกาศรับสมัครงานจาก Glassdoor พบว่า ทักษะการเขียนโปรแกรมทั้งสามนี้ยังคงเป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มนายจ้าง เพื่อสนับสนุนให้พนักงานในองค์กรได้พัฒนาทักษะในด้านเหล่านี้ บริษัทสามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเรียน จัดสรรเวลาให้มีการฝึกอบรมในเวลางาน หรือมอบรางวัลพิเศษเพื่อเป็นให้กำลังใจสำหรับพนักงานที่อบรมแล้วสอบผ่านและได้รับใบรับรองได้
6. การพัฒนา Full Stack (Full Stack Development)
ปัจจุบันการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทต่าง ๆ กำลังมองหานักพัฒนาที่มีความสามารถรอบด้าน หรือที่เรียกว่า นักพัฒนาแบบ Full Stack ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้งาน (Front-end) และส่วนประมวลผลหลังบ้าน (Back-end) นักพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญครอบคลุมทั้งสองด้านนี้จะสามารถสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพและครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ผู้นำองค์กรสามารถส่งเสริมให้ทีมนักพัฒนาก้าวสู่การเป็นนักพัฒนาแบบ Full Stack ได้ด้วยการสนับสนุนการเรียนรู้ผ่านหลักสูตรต่าง ๆ และการสอบใบรับรองที่มีประโยชน์ต่อเส้นทางอาชีพของพนักงาน การพัฒนาศักยภาพของทีมเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับความสามารถของพนักงาน แต่ยังส่งผลให้บริษัทเติบโตและทันสมัยอยู่เสมอ
7. Machine Learning
จากบทความบนเว็บไซต์ Datacamp รายงานว่า ตลาดการเรียนรู้เรื่อง Machine Learning มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 209 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2572 ส่งผลให้ความต้องการบุคลากรที่มีทักษะด้านข้อมูลเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากบริษัทต้องการพัฒนาทีมให้มีความรู้ความสามารถในเรื่องนี้ สามารถทำได้โดยการจัดการฝึกอบรมองค์กรโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning มาบรรยายและทำกิจกรรม Workshop การได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้ทีมพัฒนาศักยภาพของตนเองได้เป็นอย่างดี
บทสรุป
ทักษะที่นายจ้างต้องการในปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ตั้งแต่ความสามารถทางเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine learning ไปจนถึงทักษะที่เป็น soft skills อย่างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับตัว องค์กรต่าง ๆ จึงให้ความสำคัญกับบุคลากรที่สามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา